วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565

ชิลีเผย UFO บินเหนือน่านฟ้า

 ชิลีเผย UFO บินเหนือน่านฟ้า

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2014 เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพชิลีลำหนึ่ง (Airbus Cougar AS-532) ได้ออกลาดตระเวนเป็นประจำตามปกติ บริเวณชายฝั่งตะวันตกของซานติอาโก ประเทศชิลี โดยมีกัปตันผู้มากประสบการณ์ และช่างเทคนิคเดินทางไปด้วย เวลาประมาณ 13:52 น. ในขณะที่ช่างเทคนิคกำลังทดสอบกล้องอินฟาเรด (WESCAM’s MX-15) ทันใดนั้นเขาก็สังเหตุเห็นอากาศยานลึกลับด้วยตาเปล่า ห่างออกไปประมาณ 55-65 กิโลเมตร กำลังเดินทางจากตะวันตกไปยังตะวันตกเฉียงเหนือ ช่างเทคนิคจึงหันกล้องถ่ายภาพวีดีโอไว้ได้ทัน

นักบินติดต่ออากาศยานลึกลับนั้นเเต่ไม่สามารถจับสัญญาณอากาศยานลึกลับดังกล่าวได้เลย จึงได้ติดต่อสถานีเรดาห์ 2 แห่ง คือ สถานีบริเวณชายฝั่งกับสถานีควบคุมหลักซานติอาโก ผู้ควบคุมจราจรทางอากาศยืนยันว่า "ในช่วงเวลานั้นไม่มีอากาศยานทหารหรือพลเรือนใดๆ" หลังจากนั้นนักบินก็พยายามติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่อากาศยานลึกลับนั้นหลายครั้งด้วยวิธีต่างๆ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ 

ช่างเทคนิคสามารถถ่ายวีดีโอเอาไว้ได้นานถึง 9 นาที 12 วินาที ก่อนที่มันจะบินหายไปในกลุ่มเมฆ วีดีโอถูกบันทึกถ่ายด้วยกล้องอินฟาเรด โดยจะเห็นเป็นสีโทนสีดำ, ขาว, เทา ซึ่งถ้าหากกล้องจับวัตถุที่มีความร้อนได้ มันจะปรากฏเป็นสีเข้มดังที่ปรากฏในวีดีโอ นักบินผู้เห็นเหตุการณ์อธิบายลักษณะของยานลำนี้ว่า "มันมีลักษณะแบนยาว เห็นสปอตไลท์ 2 ดวง เหมือนกับปล่อยไอพ่นออกมาไม่พร้อมกัน" ส่วนช่างเทคนิคอธิบายว่า "มันเป็นสีขาว รูปวงรีในแนวนอน"

การพบเห็นถูกปกปิดไว้นานถึง 2 ปี โดยหน่วยงาน CEFAA ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบวัตถุบินหรือปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในที่สุดมันก็ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน นายพล ริคาร์โด เบอร์มูเดส ผู้อำนวยการ CEFAA กล่าวว่า "เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เรารู้ว่ามันไม่ใช่ของเรา" สมมติฐานจากผู้เชี่ยวชาญมากมายพยายามหาคำอธิบายให้กับอากาศยานลึกลับ เเต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ สุดท้าย นายพล เบอร์มูเดส กล่าวว่า "นี่เป็นหนึ่งในเคสที่สำคัญที่สุด เเละเป็นปริศนามากที่สุดในชีวิตของผม สำหรับการนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการ CEFAA"

วีดีโอถูกเปิดเผย อากาศยานลึกลับได้ปล่อยอะไรบางอย่างออกมาถึง 2 ครั้ง วีดีโอข้างล่างนี้ เป็นวีดีโอสั้นๆ ในช่วงเวลาที่น่าสนใจ 3 ช่วง โดยจะเห็นอากาศยานลึกลับค่อนข้างชัดเจน






หินสลักรูปมนุษย์ต่างดาว

 

หินสลักรูปมนุษย์ต่างดาว


หินสลักรูปมนุษย์ต่างดาวหรือหินการเผชิญหน้าครั้งแรก ถูกค้นพบเมื่อเดือนมีนาคม 2017 เป็นหินที่ถูกค้นพบในถ้ำกลางป่าเเห่งหนึ่งในเมืองปวยบลา-เบรากรุซ (Puebla-Veracruz) ประเทศเม็กซิโก สิ่งที่น่าสนใจคือ หินสลักรูปมนุษย์ต่างดาว สนับสนุนทฤษฎีนักบินอวกาศโบราณ


กลุ่มนักล่าสมบัติเจเอซี ดิเทคเทอะ (JAC Detector) ได้ออกเดินทางสำรวจค้นหาถํ้านาน 3 เดือน จนกระทั่งค้นพบถ้ำแห่งหนึ่งตามคำบอกเล่าเกี่ยวกับตำนานมนุษย์ต่างดาวจากชาวบ้าน ภายในถ้ำพบร่องรอยแกะสลักบนผนังกำแพง และพื้น ล่องรอยแกะสลักเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว จากการศึกษาพบว่า มนุษย์ต่างดาวกำลังพูดคุยกับมนุษย์โลกอยู่ นอกจากนี้ นักสำรวจค้นพบทองคำจำนวนมากซ่อนอยู่ภายในถํ้าเเห่งนี้ด้วย

กลุ่มนักสำรวจเปิดเผยว่า ค้นพบเเผ่นหินที่มีร่องรอยแกะสลักเเสดงถึงมนุษย์ต่างดาวที่กำลังควบคุมยานอวกาศ เเละพบแผ่นหินกะสลักเป็นข้อความภาษาโบราณที่แปลว่ามนุษย์ต่างดาว เเละพบร่องรอยแกะสลักที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ต่างดาวกำลังมอบสิ่งของให้มนุษย์โลกที่อยู่ในช่วงอารยธรรมโลกยุคโบราณ ถูกคาดว่าเป็นอารยธรรมสเปน, มายัน,  แอซเท็ก เป็นต้น เพราะเคยอยู่อาศัยในดินแดนเเถบนี้มาก่อน

การค้นพบหินสลักรูปมนุษย์ต่างดาวเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีนักบินอวกาศโบราณ อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้จะไม่มีความหมายอะไรหากสถาบันมานุษยวิทยา และสถาบันประวัติศาสตร์แห่งชาติเม็กซิโกไม่เข้ามาตรวจสอบ เพราะทางการไม่ได้แสดงความสนใจในการค้นพบครั้งนี้เลย โดยกลุ่มนักสำรวจเปิดเผยว่า อาจเป็นเพราะการค้นพบครั้งนี้เป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวที่ขัดต่อข้อมูลไม่เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก จึงไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่า มันเป็นของจริงหรือเป็นเพียงก้อนหินที่ถูกแกะสลักขึ้นในภายหลัง

ทฤษฎีนักบินอวกาศโบราณเสนอว่า เห็นได้ชัดว่าหัวโตมีสามนิ้ว เป็นไปได้ที่มนุษย์ต่างดาวมาหาบรรพบุรุษเรา เเละปัจจุบันนี้ก็ยังคงมาเยี่ยมเยือนดูโลกของเราอยู่ มนุษย์ต่างดาวมาในฐานะพระเจ้า เเต่เราหลงลืมเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น

อพอลโลถอยกลับ พีระมิดตั้งตระหง่านอยู่บนดวงจันทร์ เผ่าพันธุ์ต่างดาวมีอยู่จริง

 อพอลโลถอยกลับ พีระมิดตั้งตระหง่านอยู่บนดวงจันทร์ เผ่าพันธุ์ต่างดาวมีอยู่จริง


นักวิจัยยูเอฟโอได้ออกมาเปิดเผยว่า พบภาพพีระมิดตั้งตระหง่านอยู่บนดวงจันทร์ โดยเป็นภาพของทางนาซ่าที่ได้มาจากยานสำรวจดวงจันทร์ (Lunar Reconnaissance Orbiter) ซึ่งจับภาพดวงจันทร์ในนาทีที่ยานสำรวจดวงจันทร์กำลังเคลื่อนที่ผ่านจุดที่เรียกว่า หลุมยูโดซุส (Eudoxus Crater) ซึ่งเป็นบริเวณหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ หากลองสังเกตตำแหน่งกลางหลุมอุกกาบาตให้ดี จะพบโครงสร้างพีระมิดตั้งตระหง่านอยู่กลางหลุมอุกกาบาต


นักวิจัยยูเอฟโออธิบายว่า ตนเองและเพื่อนๆ พบวัตถุประหลาดอีกมากมายจากภาพถ่ายของนาซ่า แต่สิ่งที่ทำให้ตนเองกับเพื่อนๆ ตื่นเต้นมากที่สุด คือ การค้นพบวัตถุประหลาดที่มีลักษณะคล้ายกับพีระมิดของอียิปต์ ตนเองและเพื่อนๆ ค่อนข้างมั่นใจว่า มีความเป็นไปได้ที่ดวงจันทร์จะมีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่ เพราะหากลองตั้งข้อสังเกตจะพบว่า นาซ่าไม่เคยกลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกเลย แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีทางอวกาศจะก้าวหน้ามากเเล้ว จนสามารถส่งหุ่นยนต์ไปสำรวจดาวอังคาร หรือกระทั่งวางเเผนส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร น่าแปลกใจที่ดวงจันทร์อยู่ใกล้กับโลกมาก นาซ่ากลับไม่ให้ความสำคัญ อาจเป็นไปได้ที่การสำรวจของนาซ่า ทำให้นาซ่าทราบความจริงว่า บนดวงจันทร์มีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมนาซ่าจึงไม่กลับไปสำรวจดวงจันทร์ ยิ่งไปกว่านั้น หากพีระมิดตั้งตระหง่านอยู่บนดวงจันทร์จริง มันอาจไขความลับที่เป็นปริศนาการก่อสร้างพีระมิดของอียิปต์ได้ว่า แท้จริงแล้วพีระมิดนั้นก่อสร้างโดยฝีมือมนษย์ต่างดาวชาวดวงจันทร์ ไม่ใช่มนุษย์ชาวโลกสร้าง


นาซ่าได้เเสดงความคิดเห็นว่า "วัตถุประหลาดดังกล่าวไม่ใช่พีระมิด มันอาจเป็นหินที่มีลักษณะผิดปกติซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปอยู่บนดวงจันทร์ โดยกลุ่มคนที่มองเห็นเป็นพีระมิดนั้น อาจเป็นเพราะจดจ่อกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางจิตที่เรียกว่าแพริโดเลีย (Pareidolia) ซึ่งเป็นอาการที่สมองสื่อสารกับสายตา ทำให้มองเห็นวัตถุหรืออะไรก็ตามมีลักษณะคล้ายคลึงกับสมองที่เราคาดหวังให้เป็น"

Lacerta บทสัมภาษณ์เผ่าพันธุ์เลื้อยคลานโบราณบนโลก Ep.01 "บทนำ"