วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2565

20 อันดับ ภาพมนุษย์ต่างดาว

 

20 อันดับ ภาพมนุษย์ต่างดาว



มีมนุษย์ต่างดาวมากมายที่ถูกกล้องจับภาพได้ รูปภาพที่น่าทึ่งเหล่านี้ยืนยันว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง มีมนุษย์ต่างดาวมาเยี่ยมชมดาวเคราะห์โลกเราบ่อยครั้ง เเละนี่คือ 20 อันดับ ภาพมนุษย์ต่างดาว

รูปภาพที่ 20 มนุษย์ต่างดาวกำลังแอบมองผ่านหน้าต่างที่ดูงุนงง โดยมีลำแสงสว่างกำลังชี้ไปทางนั้น มนุษย์ต่างดาวมีดวงตาสีดำขนาดใหญ่ และมีศีรษะล้าน และมีใบหน้ารูปกรวย

รูปภาพที่ 19 มนุษย์ต่างดาวจับบางสิ่งบางอย่างไว้ในอ้อมแขน ดูเหมือนว่าจับมนุษย์ชาวโลกไปทดลอง องค์ประกอบของมนุษย์ต่างดาวมีนิ้วที่ยาว และดวงตาสีดำขนาดใหญ่ มีหัวซึ่งหัวโล้นอย่างสมบูรณ์

รูปภาพที่ 18 มนุษย์ต่างดาวที่น่ากลัวถูกพบที่ด้านข้างถนนที่มองตรงเข้าไปในกล้อง หัวของสิ่งมีชีวิตต่างดาวดูเหมือนลิง แต่ส่วนที่เหลือของร่างกายนั้นแปลกประหลาดมาก

รูปภาพที่ 17 มีแสงที่ปรากฏในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด มีร่างมนุษย์ต่างดาวสองตัวปรากฏอยู่ในสวน โดยมีหนึ่งในนั้นชี้ไปที่จานบินรูปสามเหลี่ยม มนุษย์ต่างดาวมีแขนยาว และหัวล้าน

รูปภาพที่ 16 มนุษย์ต่างดาวตัวสูงเพียงสี่ฟุตตัวเล็กจับมือกับเจ้าหน้าทหารสหรัฐ เเละนักวิทยาศาสตร์

รูปภาพที่ 15 ศพของมนุษย์ต่างดาวสามคนถูกพบอยู่ข้างๆกันในภาพนี้ มนุษย์ต่างดาวมีแขนขา และมีตาสีดำขนาดใหญ่ เชื่อว่าร่างมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ได้รับการฟื้นฟูจากการรักษาโดยหน่วยแพทย์พิเศษ

รูปภาพที่ 14 แสดงให้เห็นว่ามีบุรุษชุดดำถ่ายรูปกับมนุษย์ต่างดาว เนื่องจากบุรุษชุดดำถือแขนของมนุษย์ต่างดาว โดยมนุษย์ต่างดาวมองตรงไปที่กล้องด้วยดวงตาสีดำขนาดใหญ่ที่ไม่มีเปลือกตา ซึ่งมนุษย์ต่างดาวสูงไม่เกินสามฟุตครึ่ง มนุษย์ต่างดาวกำลังถูกถ่ายรูปโดยช่างภาพ

รูปภาพที่ 13 เอเลี่ยนสีชมพูมีดวงตาโป่งขนาดใหญ่ มีเปลือกตาปกคลุมโดยไม่มีขนตา เส้นผมของเอเลี่ยนไม่มีร่องรอยใดๆ มีหูที่หายไป มีรูจมูก และปากขนาดปกติ

รูปภาพที่ 12 มนุษย์ต่างดาวสีเทาโดนเจ้าหน้าที่ทหารมัดไว้กับเปล เนื่องจากพกอาวุธสงคราม สูงไม่เกินสี่ฟุต มีฟันอยู่ในขากรรไกรล่าง และมีหัวใหญ่ดวงตาโป่งขนาดใหญ่

รูปภาพที่ 11 มนุษย์ต่างดาวที่มีหัวโต และดวงตาสีดำขนาดใหญ่ยืนอยู่ในห้องซึ่งดูเหมือนว่า เป็นห้องขัง มนุษย์ต่างดาวมีไหล่ และแขนที่ไม่กว้างมากนัก เส้นผมของมนุษย์ต่างดาวไม่มีร่องรอยของขน

รูปภาพที่ 10 สิ่งมีชีวิตต่างที่มองดูแปลกๆ ถูกจับในกับดักที่ชาวนาวางไว้เพื่อดักจับศัตรูพืช ดูคล้ายเอเลี่ยนดูผอมมากและมีหาง มีแขนและขา มีหัวที่เด่นด้วยดวงตาสีดำขนาดใหญ่ กะโหลกศีรษะขนาดใหญ่ไม่ได้มองอะไรใกล้เคียงกับความเป็นมนุษย์

รูปภาพที่ 9 เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐจับมือกับมนุษย์ต่างดาว ที่มีหัวโตดวงตาสีดำขนาดใหญ่ และร่างกายไม่มีขน มนุษย์ต่างดาวไม่มีจมูก และแขนบาง

รูปภาพที่ 8 สิ่งที่ดูเหมือนว่าสุภาพบุรุษสองคนกุมมือมนุษย์ต่างดาวที่สูงประมาณสองฟุต

รูปภาพที่ 7 มนุษย์ต่างดาวถูกฝังลึกอยู่ในหิมะ ดูเหมือนว่าเเขนขาได้รับการบาดเจ็บอย่างรุนเเรงจากยูเอฟโอตก

รูปภาพที่ 6 มนุษย์ต่างดาวสูงสี่ฟุตถูกมองจากด้านหลังพุ่มไม้ในภาพนี้ มนุษย์ต่างดาวยืนมองมีหัวที่ใหญ่โตอย่างชัดเจนด้วยตาโปนสีดำ ไม่มีหูหรือจมูกอย่างที่เห็นในภาพ

รูปภาพที่ 5 จับเอเลี่ยนขังไม่ให้พูด มนุษย์ต่างดาวมีหัวใหญ่ และดวงตาขนาดใหญ่สีดำ และตาโปนที่โดดเด่น

รูปภาพ 4 เเอเรีย 51 ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด สามารถมองเห็นศพของมนุษย์ต่างดาวที่ถูกเก็บไว้ในโลงแก้ว มนุษย์ต่างดาวนั้นสูงประมาณสี่ฟุต และมีตาสีดำขนาดใหญ่โดยไม่มีจมูกหรือหู แขนของมนุษย์ต่างดาวนั้นเกือบจะแตะเข่า

รูปภาพ 3 ผู้ชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เคยไปเยี่ยมชมโรงแรม สองคนที่เห็นในภาพเมื่อพวกเขาเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม พนักงานของโรงแรมบอกว่า ชายหัวโล้นไม่มีคิ้วเเละขนตา พูดภาษาเเปลกๆ เเละพนักงานของโรงแรมจำความไม่ได้ทั้งหมด

รูปภาพที่ 2 มนุษย์ต่างดาวลึกลับที่ปรากฏในพื้นหลังของภาพถ่าย ไม่มีใครในบริเวณใกล้เคียงเมื่อภาพถูกถ่าย สิ่งที่ดูเหมือนภาพซ้อนทับของนักบินอวกาศ

รูปภาพ 1 อดีตวิศวกรของฐานทัพเเอเรีย 51 ถือรูปภาพมนุษย์ต่างดาวที่ถูกเก็บไว้ในห้องใต้ดินของพื้นที่ 51 มนุษย์ต่างดาวในภาพมีกะโหลกศีรษะเล็ก เขาว่าเคยเห็นตัวเล็กๆพวกนี้ในฐานทัพลับ












































วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565

UFO และมนุษย์ต่างดาว ในประวัติศาสตร์โบราณ

 UFO และมนุษย์ต่างดาว ในประวัติศาสตร์โบราณ

ต่างดาว และจานบินนั้นมีนานตั้งแต่สมัยอดีตกาล หลักฐานเหล่านี้บ่งบอกถีงการติดต่อสือสาร และการช่วยเหลือมนุษย์ในการสร้างอารยธรรมโบราณ โดยรวบรวมจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก


ประเทศอิรัค



เป็นประเทศที่มีอารยธรรมสูงในสมัยดึกดำบรรพ์ และมีอดีตยืนยาวตั้งแต่สมัยสุเมเรียน หลักฐานโบราณจะได้แก่พระเจ้าที่มีหน้าตาเหมือนนก หรือสัตว์เลี้อยคลาน


ประเทศเนปาล



ได้มีการค้นพบวัตถุรูปจานบินที่มีลวดลายของมนุษย์ต่างดาว และ รูปของทางช้างเผือก ซี่งมีอายุเก่าแก่ถีง 7,000 ก่อนคริสต์ศักราช


ประเทศอิตาลี



มีการค้นพบรูปวาดในถ้ำที่ Val Camonica ซี่งคล้ายมนุษยอวกาศ มีความเก่าแก่ประมาณ 10,000 ก่อนคริสต์ศักราช


ประเทศยูเครน



ที่เมือง Kiev มีการค้นพบรูปปั้นมนุษย์อวกาศซี่งมีความเก่าแก่ประมาณ 4000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช


ประเทศแม็คซิโก



พบรูปวาดในถ้ำซี่งเป็นภาพคน 4 คน และยานที่อยู่บนท้องฟ้าขนาดใหญ่ ในจังหวัด Queretaro ในปี คศ 1966 ซี่งภาพวาดนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 7000 ปีก่อน


ประเทศเอควาดอร์



พบรูปปันคนในชุดมนุษย์อวกาศ


ประเทศสหรัฐอเมริกา



พบภาพเขียนบนฝาผนังถ้ำของชาวอินเดียนแดงทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ


ทวีปแอฟริกา



พบภาพเขียนจานบินและมนุษยต์ต่างดาวที่ทะเลทราย ซาฮาร่า อายุประมาณ 6000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช


ประเทศออสเตรเลีย



พบภาพวาดตามผนังของชนเผ่าอบอริจินที่เมือง Kimberly อายุประมาณ 5,000 ปีก่อน


ประเทศญี่ปุ่น



ภาพวาดโบราณทางเกาะ Jotuo ซี่งค้นพบในปี คศ 1957 และยังค้นพบภาพวาดของระบบสุริยจักรวาลที่มีดาวเคราะห์สิบดวงไม่รวมดวงอาทิตย์


ประเทศอียิปต์



พบรอยแกะสลักซี่งมีอายุ 3000 ปี เป็นรูปเครื่องบินและยานภาหนะที่มีอยู่ในปัจจุบัน


ประเทศอินเดีย



ที่อินเดียได้ค้นพบภาพวาดเกี่ยวกับ UFO ที่คนโบราณเขียนขี้นในถ้ำสมัยยุคหินที่ซ่อนลีกอยู่ในป่า ในรูปจะเห็นถีง ภาพมนุษย์อวกาศ และ ยาน UFO อย่างชัดเจน ซี่งนักโบราณคดีได้สันนิฐานว่าคนเล่านี้ได้มีการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่าง ดาวมาเป็นเวลานานแล้ว ซี่งสอดคล้องกับทฤษฏีที่มนุษย์ต่างดาวที่เป็นมิตรกับมนุษย์ให้ความช่วยเหลือ มนุษย์ในการสร้างอารยธรรมตั้งแต่สมัยโบราณ


วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2565

เผยความจริง : ยานอวกาศขนาดยักษ์บนดวงจันทร์ และ Mona Lisa

 เผยความจริง : ยานอวกาศขนาดยักษ์บนดวงจันทร์ และ Mona Lisa



Alien Spaceship on The Moon

เรื่องราวนี้เคยได้รับการกล่าวถึงในเวปไซท์ต่างๆตั้งแต่ปี 2007 มาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนั้นมันยังดูฉงนน่าประหลาดใจ แต่ตอนนี้มันกำลังได้รับความสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจากได้รับข้อมูลสนับสนุน ซึ่งมีทั้งหลักฐานและการเปิดเผยเพิ่มเติม ซึ่งหลายคนอาจคนคิดว่ามันไกลเกินที่จะเรียกว่า "ความจริง" ไปแล้ว และด้วยความสัตย์ซื่อของเรา, เบื้องต้นเราคิดว่ามันเป็นการหลอกลวง จนพนักงานของเราที่นี่ (viewzone) ได้จัดหาหลักฐานจนพบแผ่นฟิล์ม จากเว็บไซต์ของนาซ่าเข้าจริงๆ (film strips from the NASA site) และพบว่ามีภาพของวัตถุนั้นอยู่ด้วยกันสองภาพ ถ่ายจากมุมที่แตกต่างกัน เราจึงได้จัดทำภาพจำลอง 3 มิติ เพื่อวิเคราะห์ขึ้นด้วย (ตาม VDO ด้านล่างนี้) ซึ่งภาพ 3 มิตินี้ จะแสดงรายละเอียดของวัตถุจริงบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น







ช้างล่างนี้เป็นสองภาพที่ถูกผสมกันในรูปแบบ 3-D image

ถูกเผยแพร่โดยภาระกิจของยาน Appollo 15

เป็นภาพ 3 มิติที่ชัดเจนแสดงรูปร่างและตำแหน่งของวัตถุที่ผิดปกติ

เพื่อดูภาพนี้ให้ชัดเจนจะต้องใช้แว่นตา 3D (สีแดงด้านซ้ายสีฟ้าด้านขวา


ขนาดของมันสูงกว่าครึ่งกิโลเมตร และอาจจะยาวกว่า 3.37 กิโลเมตรก็ได้ เห็นเป็นวัตถุที่ มีรายละเอียด มีความสมดุล และมีการออกแบบ แตกต่างจากสิ่งแวดล้อมและพื้นผิวที่อยู่รอบตัวมากทีเดียว


ชุดนี้ถ่ายซูมจากกล้องที่มีความละเอียดสูงมาก เรื่องราวความเป็นมา : เป็นเรื่องราวที่ได้มาจากคนที่อ้างว่าเขาอยู่ในภารกิจพิเศษของ NASA : William Rutledge : ซึ่งขณะนี้ใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกา เขาเพิ่งออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมที่น่าตื่นตาตื่นใจ กับ NASA ในช่วงปลายยุค 70s ที่ผ่านมา Rutledge อ้างว่าได้ทำงานอย่างน้อยสองภารกิจไปดวงจันทร์ รวมถึงไม่ Apollo 19 และ Apollo 20 ซึ่งเขากล่าวเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 1976 จาก Vandenberg Air Force Base ภารกิจเหล่านี้ Rutledge บอกว่าเป็นการจัดภารกิจด้านอวกาศร่วมกัน รัฐบาลที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต พวกเขาจะไม่ปรากฏในบัญชีรายชื่อของคณะ NASA ใดๆ (-- และถ้าเป็นความจริง -- ก็มีเหตุผลดี) วัตถุประสงค์ของภารกิจนี้คือการตรวจสอบวัตถุขนาดใหญ่ที่ด้านไกลของดวงจันทร์ ในภูมิภาค Delporte - Izsak, การค้นพบและถูกกล่าวว่าถ่ายภาพได้ในช่วง Apollo 15 ภารกิจสำรวจวัตถุที่มีลักษณะคล้ายยาน"X - Wing ในการรบ"ตามที่เห็นในหนัง Star Wars เป็นยานอวกาศของคนต่างดาวซึ่งมีขนาดใหญ่มากลำหนึ่งที่ประสบเหตุหรือถูกทิ้งไว้ บนดวงจันทร์ในสมัยโบราณ




เรื่องราวของการกู้ซาก EBE หญิง (ตอนที่ 1) Rutledge ให้การว่าพวกเขา (กับนักบินอวกาศ, Lexei Leonov ) ลงจอดด้วยยาน Lunar Module (ของรัสเซีย) ใกล้เรืออวกาศต่างดาว และเข้าไปสำรวจมันจริงๆ แน่นอนว่ามีบางอย่างถูกค้นพบและกู้ออกมาหลายชิ้น รวมทั้งพบสองคนที่เป็นนักบินในนั้นด้วย "หนึ่งในนั้นสภาพดีและปรากฏเป็นหญิง ตัวที่สองนั้นเสียหายเสี่อมสภาพไปมาก และเราดึงมาได้เพียงศีรษะเท่านั้น หญิงที่เราพบนั้นเราขนานนามให้เขาว่า "Mona Lisa " "เราเข้าไปข้างในยานอวกาศขนาดใหญ่ เข้าไปส่วนที่เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ที่เป็นส่วนสำคัญของการสำรวจ มันเป็นเรือแม่ที่ดูเก่ามาก ราวกับข้ามจักรวาลแล้วมาไม่น้อยกว่าพันล้านปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ในนั้นมีสัญญาณหลายเกี่ยวข้องกับทางชีววิทยา ภายในนั้นยังคงเดิม มีพืชอยู่ในส่วนของมอเตอร์ด้วย มีหินรูปสามเหลี่ยมพิเศษ ที่ปล่อยของเหลวคล้ายน้ำตา เป็นของเหลวสีเหลืองที่มีคุณสมบัติพิเศษทางการแพทย์บางอย่าง และแน่นอนว่ามีสัตว์ที่มีเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดพิเศษประกอบอยู่ด้วย เราพบชิ้นส่วนของมันยาวราว 10 เซนติเมตร อยู่ในระบบของหลอดแก้วตลอดทั้งเรือ แต่การค้นพบที่สำคัญก็คือ "ร่างทั้งสองนี้" มีความสำคัญเป็นที่สุด


เรื่องราวของการกู้ซาก EBE หญิง (ตอนที่ 2) Mona lisa ผมจำไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ตั้งชื่อสาวคนนี้ Leonov หรือฉัน เธอเป็น EBE Humanoid ที่สมบูรณ์ไม่บุบสลาย สูง 1.65 เมตร มีอวัยวะสืบพันธุ์, มีผม, มีนิ้วข้างละหกนิ้ว (เราเดาว่าคณิตศาสตร์ของเขาจะเป็นเลขฐาน 12 ) ในส่วนหน้าที่ของนักบิน มีอุปกรณ์การนำทางคงใช้นิ้วมือและตาควบคุม เสื้อผ้าไม่มี เราต้องตัดท่อสองสายที่เชื่อมต่อกับจมูกออก ปรากฎว่าเขาไม่มีรูจมูก Leonov เปิดอุปกรณ์ที่ตาออก (ซึ่งคุณจะเห็นจากวิดีโอ) มีส่วนผสมของเลือดหรือของเหลวทางชีวภาพที่เย็นๆประทุขึ้นจากปากจมูกที่ตาและบางส่วนของร่างกาย มีบางส่วนของร่างกายอยู่ในสภาพดีจนผิดปกติ, ผมและผิวมีการเคลือบผิวด้วยชั้นวัสดุที่โปร่งบางใสป้องกันอยู่ ในขณะที่เราแจ้งภารกิจนี้ไปที่ศูนย์ควบคุม เธอก็อยู่สภาพที่เหมือนตายและไม่ตาย (not dead not alive) เราไม่เคยมีภูมิหลังหรือประสบการณ์ทางการแพทย์กันมาก่อน ผม และ Leonov ได้ใช้อุปกรณ์ต่างๆด้าน bio เพื่อทดสอบดูกับ EBE โดยได้รับคำแนะนำ จากศัลยแพทย์ที่ชำนาญงานจากศูนย์อำนวยการ ผลการทดสอบแจ้งว่าเป็นบวก (มีชีวิต) เรื่องทั้งหมดนี้บางส่วนอาจฟังดูไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมต้องการบอกเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด เมื่อวิดีโอชุดนี้ออนไลน์ ประสบการณ์ที่เล่าให้ฟังนี้ได้รับการบันทึกถ่ายทำใน LM และเรื่องของตัวที่สองนั้น (ตัวที่เสียหายมาก) เราได้นำศีรษะเขาขึ้นให้คณะกรรมการดู เขามีสีผิวเป็นสีเทาอมฟ้า ผิวมีรายละเอียดบางอย่างแปลกตา โดยเฉพาะที่ด้านบนของตาและด้านหน้ามีสายรัดรอบหัวใส่คำจารึกด้วย ภายในห้องนักบินนั้นก็เต็มไปด้วยข้อความเขียนด้วยลายมือบรรจง และมีหลอดใสกึ่งหกเหลี่ยมยาวๆเต็มไปหมด "Mona Lisa " เธอยังอยู่บนโลกใบนี้และเธอยังไม่ตาย ผมจะโพสต์วิดีโออื่นๆ ก่อนที่จะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ผู้สัมภาษณ์ William Rutledge

EBE เป็นชื่อที่ย่อมาจากคำว่า Extraterrestrial Biological Entities ซึ่งน่าจะแปลว่า "สิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีภูมิปัญญาสูง" อะไรประมาณนั้น (ภาษาอังกฤษแบบ snake fish fish น่ะครับ ) สรุปว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายปี ราวๆยุค 70S ช่วงโครงการอะพอลโล่ 15-20 และมีการเปิดเผยขึ้นอีกครั้ง เมื่อราวๆ สิงหาคม ปี ค.ศ.2008 มานี้เอง โดยบุคคลวงใน (ที่อ้างว่าเป็นนักบินอวกาศนอกสำรวจ) ที่ไปสำรวจยานอวกาศลำดังกล่าวที่อับปางอยู่บนดวงจันทร์ จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายทำก็เป็นฟิลม์ 16 มม. ฉากหลังก็อยู่บนยานอวกาศของมนุษย์ ใบหน้าผู้หญิงนั่นก็ดูคล้ายมนุษย์ แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว.. ก็มีหลายๆอย่างที่น่าสนใจอยู่ เลยต้องแปลเพื่อปะติดปะต่อเรื่องหน่อย ถือว่าน่าสนใจและดูสมจริงดีทีเดียวนะครับเรื่องนี้ ไปเจอข้อมูลสำคัญเข้านะครับ มีนักบินอวกาศและเจ้าหน้าที่ในองค์การนาซ่าด้านภาพถ่ายที่เคยร่วมงานกับ Luna Project (ช่วงกลางปี คศ. 1965) ออกมาเปิดเผยอีกครับว่า เหตุที่นาซ่าไม่ส่งยานออกไปสำรวจที่ดวงจันทร์ในระยะหลังๆมานี่ เพราะรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ที่ด้านหลังดวงจันทร์นั่นจริงๆ พบทั้งสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาในหลุมเครเตอร์ และบนพื้นผิวดวงจันทร์คล้ายๆฐานทัพ มีหอคอยสูงๆจำนวนมาก พบกลุ่มเมฆสีม่วงรวมทั้งยานอวกาศซึ่งก็มีอยู่ที่นั่นจริง ซึ่งทางนาซ่าได้ทำการแก้ไขลบภาพที่นำออกสู่สาธารณะชนออกไปจนเกือบหมด จะเห็นได้จากภาพ VDO ชุดนี้ครับ


วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2565

นักดาราศาสตร์พบถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ต่างดาวแล้ว!!!

 นักดาราศาสตร์พบถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ต่างดาวแล้ว!!!



จากการเฝ้าดูท้องฟ้า เป็นเวลานานนับสิบปี มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่ามนุษย์ต่างดาวพันธ์หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ “วงแหวนมืด” หรือ the ring darkness วงแหวนมืดคือกลุ่มดาวกาแล็คซี่หนึ่ง ซึ่งรวมตัวกันโดยไม่เปล่งแสง หรือสะท้อนแสงอาทิตย์ออกมา

ชอน แอ็บบอตต์ นักดาราศาสตร์อวกาศ แห่งเมืองลารามี รัฐไวโอมิงสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวยื่นยันเมื่อเร็วๆนี้ว่า “ภาพที่ได้มาไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมและทีมงานผู้สังเกตการณ์ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า มั่นใจว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่น แน่นอนคือการปล่อยกำมันตภาพรังสี ออกมาซึ่งเป็นข้อมูลหลักฐานไม่มีวันผิดพลาดไปได้เลย

นักดาราศาสตร์ ชอนกล่าวอีกว่า “นับวันเรามีเทคโนโลยีก้าวหน้า เราก็พบวงแวนดำอีกหลายแห่งหลายที่ ความจริงแล้ววงแหวนดำนี้เอง เป็นต้นกำเนิดของสุริยะจักรวาลของเรา และอีกหลายกาแล็คซี่ วงแหวนดำจึงเป็นสัญลักษณ์ถิ่นที่กำเนิดสิ่งมีชีวิต”

“แต่การสังเกตการณ์ในระยะทางไกลมาก ของนักดาราศาสตร์จากโลก ซึ่งมีเมฆและฝุ่นผงปิดบังอยู่ ก่อให้เกิดปริศนาหลายคำถามเชน คำถามว่า หากมีสิ่งมีชิวิตอยู่จริง มีรูปร่างลักษณะอย่างไร และมีเทคโนโลยีระดับใดเพียงพอต่อการเดินทางมาถึงโลกของเราหรือไม่?”

สำหรับวงแหวนดำ ซึ่งทีมงานนักดาราศาสตร์ยุคนี้เพิ่งค้นพบนั้น มีรายงานอีกว่าเป็นวงแหวนมืด อยู่รายล้อมกลุ่มดาวที่เป็นกาแล็คซี่ เรียกว่า กาแล็คซี่ ซีไอ 0024+17



ต่อมาทีมงานนักดาราศาสตร์ชุดนี้ได้ขยายผลการค้นพบโดยมุ่งวิเคราะห์ กำมันตาภาพรังสี ทีถูกปลดปล่อยออกมาจากวงแหวนมืด ซึ่งมีลักษณะคล้ายกลุ่มเมฆสีดำ พบว่ามีวัตถุเปล่งแสงจากตัวเองได้ จำนวนมาก หลายพันวัตถุ เคลื่อนที่ไปมาอยู่ภายในวงมืด

วัตถุเคลื่อนที่ดังกล่าวนี้จาการตรวจสอบ ด้วยกล้องโทรทรรศน์ แรงสูงพบว่า สามารถเปล่งแสงเจิดจ้ากว่าการเปล่งแสงจากตัวเอง ของวัตถุที่มีอยู่บนโลก อีกทั้งเป็นวัตถุที่มีความหนาแน่นมากว่าไทเทเนี่ยม ซึ่งเป็นโลหะได้ชื่อว่าแข็งแรงทนทานที่สุดในโลก

ข้อสันนิฐานแรกและเป็นข้อสันนิฐานเดียว โลหะเปล่งแสงเคลื่อนที่ได้นั้นถูกวิเคราะห์หลายครั้ง ในที่สุดทีมงานนักวิทยาศาสตร์มีข้อสรุปตรงกัน มันคือยานอวกาศ ของสิ่งมีชีวิตบนวงแหวนมืดนั่นเอง

แต่มีข้อสั่งเกตว่า หากว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวจริง จาการเคลื่อนที่นั้น ผิดกฎฟิสิกซ์ของชาวโลก อีกทั้งการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วยิ่งกว่าความเร็วแสง

หลักฐานข้อมูลที่ชัดเจนมากเช่นใช้กล้องแรงสูงจับเป้าไปที่วัตถุบินชิ้นหนึ่ง มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ข้างหลังแล้วจู่ๆ หายวับ ไปแล้ว ปรากฏในอีกที่หนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ระดับชั้นนำของโลกกล่าวอย่างมั่นใจ “ขณะนี้ทีมงานวิจัยของเราพุ่งเป้าหมายไปที่การปรากฏตัว การหายตัวไปของวัตถุบิน

ด้วยกล้องโทรทรรศน์ ระบบอินฟราเรด แทบตลอด 2 4 ชั่วโมง

ที่น่าตื่นกระหนกไปกว่านั้น เราตรวจพบยานอวกาศลักษณะทรงกลมเหมือนจาน แต่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก คำนวณกันหลายครั้ง น่าจะเป็นยานที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำว่า1,000 ไมล์ (ราวครึ่งหนึ่งของแผ่นดินประเทศไทย) แม้จะเป็นยานบิน ขนาดใหญ่ แต่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าตระหนก และเป็นการเคลื่อนที่แหกกฎฟิสิกซ์ที่เรารู้จัก

คำถามต่อมาที่เรานำเข้าสู่การวิเคราะห์ ใครผู้ใด และอะไรอยู่เบื้องหลัง ยานบินประหลาดเหล่านั้น คำถามต่อมาพวกเขาใช้เทคโนโลยีใด จึงสามารถทำให้ยานอวกาศเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่า ความเร็วแสง เราสรุปได้เบื้องต้น เมื่อผลออกมา ได้เช่นนี้ก็แสดงว่าเป็นเผ่าพันธุ์ สิ่งมีชีวิตซึ่งมีวิทยาการและเทคโนโลยีสูงกว่าเทคโนโลยีของชาวโลกอย่างแน่นอน ทุกวันนี้เรามีเครื่องยนต์จากพลังล้อหมุน

หรือก๊าซพุ่งออกจากส่วนท้ายให้ยวดยานพุ่งไปข้างหน้า พวกเขาอาจพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากว่าเรา หรืออาจใช้พลังจักรวาลซึ่งมีอยู่ไม่มีวันสิ้นสุดใช้เป็นประโยชน์ได้แล้วก็ได้ ปัจจุบันการส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงดาวต่างๆ นักวิทยาศาสตร์ใช้เชื่อเพลิงจรวดชนิดแข็งเพื่อพายานอวกาศไปสู่แรงโน้นถ่วงระหว่างดวงดาว จากนั้นดับเครื่องยนต์เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง แล้วอาศัยแรงดึงดูนั้นเป็นแรงเหวี่ยงเดินทางไปยังเป้าหมาย ซึ่งสามารถทำความเร็วเดินทางได้พอๆ กับอุกบาตร หรือคาวหาง ราว 40,000 ไมล์ ต่อชั่วโมง ต่อมานาซ่า ได้ยืนยันว่ากล้องเทเลศโคป ซึ่งติดตั้งอยู่บนยานฮัมเบิลสเปซ์ ซึ่งโคจรอยู่รอบโลก ได้ยืนยันว่า พบวงแหวนมืดที่กลุ่มดาว กาแล็คซี่ 0024+27จริง

การค้นพบวงแหวนมืด ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด ราว 5,000ล้านปีแสงครั้งนี้ ทำให้นักดารศาสตร์ทั่วโลก พากันตื่นตัว หากวัตถุเรืองแสง เคลื่อนที่ได้จำนวนมากเป็นยานอวกาศลูก และยานอวกาศแม่ของมนุษย์ต่างดาวจริง การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่สามารถ พบเห็นถิ่นที่อยู่ผู้ทรงปัญญา จากต่างดาวได้

มีข้อสังเกตจากนักดาราศาสตร์ชุดนี้อีกว่า โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 93 ล้านไมล์ แสงจากดวงอาทิตย์เดินทางมาถึงโลก ใช้เวลาแค่ 8 นาที ระยะทาง 1ปีแสง เท่ากับ 16ล้านกิโลเมตร หากวงแหวนมืด ที่กาแล็กซี่ ซีไอ 0024+17 อยู่ห่างจากโลก 5,000 ล้านปีแสง และมนุษย์ต่างดาวสามารถสร้างยานอวกาศ มีความเร็วเหนือแสงได้หลายเท่า จนถึงขึ้นทะลุมิติการเวลาได้ มนุษย์ต่างดาวที่เราเพิ่งพบเห็น อาจเดินทางมาถึงโลก หลายพันปีมาแล้ว...


พลังจิต/ Psychic Power

 พลังจิต/ Psychic Power



เรื่องราวพลังแห่งจินตนาการ ทั้งที่พิสูจน์ได้และไม่ได้ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้


พลังจิต คืออะไร / Psychic Power

สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยรู้จักหรือใช้พลังจิตมาก่อน พลังจิตเป็นสิ่งลี้ลับที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้ นอกจากผู้ที่มีการฝึกจิต (แบบที่มนุษย์ทั่วไปไม่มีทางทำได้) จนแก่กล้าแล้วเท่านั้นจึงใช้พลังจิตได้


แต่รู้ใหมครับ คนที่ใช้พลังจิตได้แล้วจะคิดว่าพลังจิตนั้น

แท้ที่จริงเป็นเรื่องธรรมดามากๆ คนธรรมดาทั่วไปทุกคน (รวมทั้งคุณด้วย)

 เกิดมาพร้อมศักยภาพในการใช้พลังจิตอยู่แล้วครับ เหมือนกับที่คนปกติทุกคน

เกิดมาพร้อมกับศักยภาพที่จะสามารถขับรถหรือพูดภาษา อังกฤษได้นั่นแหละครับ


ซึ่งในทางกลับกัน ถ้าเราไม่เคยพูดภาษาอังกฤษ มันก็พูดไม่ได้ หรือไม่ได้พูดนานๆสักสิบปี

มันก็พูดไม่ได้ พลังจิตก็เหมือนกันแหละครับ


ถ้าเราไม่เคยใช้ หรือไม่ได้ใช้นานๆ มันก็ใช้ไม่ได้ แค่นั้นเองจริงๆ

ซึ่งความจริงแล้วถ้าคุณยังไม่เคย ผมกำลังจะให้คุณลองใช้พลังจิตตอนนี้เลย

พร้อมใหมครับ ถ้าพร้อมแล้ว ไปเลย !


1. นั่งหลังตรง ทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย

2. หายใจช้าๆ ลึกๆ เบาๆ นุ่มนวล

3. ค่อยๆ เอานิ้วชี้มือขวา แตะที่กลางฝ่ามือซ้าย

ลองสังเกตความรู้สึกที่กลางฝ่ามือที่ถูกแตะ มันจะยังไม่พบอะไรเป็นพิเศษตรงนี้ ไม่ต้องกังวล

 4. ค่อยๆ เปลี่ยน เอานิ้วชี้ซ้ายแตะที่กลางฝ่ามือขวา ลองสังเกตความรู้สึกที่กลางฝ่ามือที่ถูกแตะเช่นกัน

 5. เอามือมาใกล้ๆ กันคล้ายกับประคองลูกบอล ให้มือห่างกันประมาณ 1 ฟุต

ลองสังเกตความรู้สึกที่กลางฝ่ามือ แล้วค่อยๆ เอามือเข้าใกล้กันช้าๆ





สังเกตความรู้สึกที่กลางฝ่ามือเสมอ คุณอาจรู้สึกคล้ายสัมผัสอะไรจางๆ

บางคนอาจรู้สึกถึงความร้อน ความหนา หรือบางคนอาจรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ยินดีด้วย คุณได้ใช้พลังจิตสำเร็จไปแล้ว ! ในวงการเราเรียกสิ่งนี้ว่า PSI BALL


เห็น ไหมครับ พลังจิตไม่ยาก... เอ่อ เอาล่ะ ที่ยากมันก็มีครับ

แต่ที่ผมอยากให้คุณรู้ในครั้งแรกนี้ก็คือ ทุกคนสามารถใช้พลังจิตได้

คุณสามารถใช้พลังจิตได้ ก่อนที่จะบอกคุณว่าพลังจิตคืออะไร

ผมอยากให้คุณรู้ว่า พลังจิตไม่ใช่ปาฏิหาริย์เท่านั้นแหละ เอาล่ะ


ผมยังไม่ลืมหรอกครับ บทนี้ชื่อว่า พลังจิตคืออะไร


พลังจิต ก็คือ ความสามารถตามธรรมชาติของมนุษย์

ที่เกิดขึ้นจากศักยภาพของจิตครับ แค่นั้นเอง


หมายความว่า ถ้ามีคนอ่านใจคนอื่น เขากำลังใช้พลังจิต

ถ้ามีคนมองเห็นพลังออร่า เขากำลังใช้พลังจิต

ถ้ามีคนมองเห็นเพื่อนคุณที่อยู่คนละจังหวัดกับคนที่ทำการมอง

เขากำลังใช้พลังจิต ถ้ามีคนใช้เวทย์มนต์คาถา

เขากำลังใช้พลังจิต ถ้ามีคนกำหนดเหตุการณ์ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ

เขากำลังใช่พลังจิต โดยเฉพาะอันสุดท้าย

การกำหนดให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่เราต้องการ เป็นพลังจิตครับ


ที่จริงทุกคนเคยใช้พลังจิตมาแล้วทั้งนั้น

เวลาเราสอบ เรากำลังใช้พลังจิตทำให้ตัวเราทำข้อสอบได้

 เวลาเราเตะฟุตบอล เรากำลังใช้พลังจิตทำให้เราเตะได้ดี

แต่พวกเราไม่รู้ว่านั่นเป็นพลังจิต เราไม่รู้ว่าเรากำลังใช้พลังจิตได้แล้ว

เราเลยไม่เคยพัฒนาพลังจิตแบบต่างๆ นั่นเอง


อย่าง ไรก็ตาม ในสายตาคนทั่วไป พลังจิตอาจแบ่งออกไปได้อีกหลายอย่าง เช่น

การอ่านใจ

การรักษา

การบังคับวัตถุ

การมองเห็นในระยะใกล

การหยั่งรู้อนาคต

หูทิพย์

ตาทิพย์

สัมผัสทิพย์

การสะกดจิต

ฯลฯ


 เหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นพลังจิตครับ และผมหวังว่า บล็อกนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ

และอาจจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ (พลังจิต) ได้


ซึ่งผมจะอธิบายต่อไปแบบ step by step ... แล้วเจอกันครับ ...


สรุป

1. พลังจิตไม่ใช่ปาฏิหาริย์ มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะใช้พลังจิตได้

2. พลังจิตฝึกได้ พัฒนาได้ และลืมได้