วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2565

นักวิทยาศาสตร์จีน อ้างถ่ายคลิป UFOได้นาน40นาที ช่วงเกิดสุริยคราส

 นักวิทยาศาสตร์จีน อ้างถ่ายคลิป UFOได้นาน40นาที ช่วงเกิดสุริยคราส



ฮือฮา นักวิทย์จีนบันทึกภาพยูเอฟโอลอยเหนือฟ้าช่วงเกิดสุริยคราส เผยกลุ่มนักเรียนยังเห็นด้วย บอกวัตถุประหลาดยังเปลี่ยนสีและขนาดเป็นสีฟ้าเรืองแสง ก่อนกลายเป็นสีดำ


"เดลี่ เมล์"ของอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ที่หอดูดาวเพอร์เพิลเมาท์เท่น ในเมืองนานจิง ของจีน เชื่อว่า มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ภาพที่ปรากฎในคลิปความยาว 40 นาที จะเป็นภาพของวัตถุบินลึกลับ หรือ UFO ที่พวกเขารอคอยที่จะได้เห็นมานานแล้ว



นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ต่างยืนยันว่า ภาพเคลื่อนไหวความยาว 40 นาที ที่จับภาพของวัตถุลึกลับได้ถูกถ่ายในระหว่างการเกิดสุริยุปราคา


เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และได้เริ่มทำการวิจัยเพื่อการสืบค้นที่ต้องใช้เวลานานนับปีว่า วัตถุที่ปรากฎนั้นคืออะไร ซึ่งเมื่อวานนี้ เว็บไซท์ข่าว ซิน่า ดอท คอมได้รายงานตามข้ออ้างของหอดูดาว เพอร์เพิล เมาท์เท่น ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีนว่า เจ้าหน้าที่ของหอดูดาว ได้พบวัตถุบินลึกลับดังกล่าวอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ ซึ่งยังต้องศึกษาค้นคว้ากันต่อไป และได้มีการระดมบุคคลากรเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลและการเปิดเผยผลทางวิทยาศาสตร์ ที่จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี


 


ขณะเดียวกัน รายงานระบุด้วยว่า นอกเหนือจากกลุ่มวิทยาศาสตร์จีนแล้ว กลุ่มนักเรียนหลายสิบคน ที่เมืองเดจิง ในมณฑลกวางตุ้ง ยังอ้างว่าได้เห็นวัตถุลึกลับนี้ ในช่วงเกิดสุริยคราส เมื่อวันที่ 22 ก.ค.และมีนักเรียนจำนวน 9 ราย ได้บันทึกภาพวัตถุประหลาดดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดเผยว่า วัตถุลึกลับยังได้เปลี่ยนสีและขนาด โดยตอนแรกเป็นสีฟ้าเรืองแสง ก่อนจะกลายเป็นสีดำ



จี้ ไห่-เช็ง จากหอดูดาว เพอเพิล เมาท์เท่น ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่า ยังเป็นไม่ได้ที่จะระบุได้อย่างชัดเจนว่า วัตถุที่เห็นคือสิ่งใด ขณะที่วงการ UFO ต่างแทบจะกลั้นหายใจเพื่อรอผลการพิสูจน์ครั้งนี้

เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า(Antikythera Machine)



มีสิ่งประดิษฐ์อย่างน้อยหนึ่งชิ้นที่พิสูจน์ว่า อารยธรรมหนึ่งในโลกโบราณเป็นเจ้าของเทคนิคที่ไม่มีนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่คาดถึงมาก่อน มันถูกพบในทะเลนอก เกาะแอนติไกเธอร่า (antikythera) อันเป็นเกาะเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของครีท มันจึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า(Antikythera Machine)

มันถูกค้นพบจากเรือที่อับปางลำหนึ่งที่ถูกค้นพบในปี 1900โดยทีมนักดำน้ำที่ตัดสินใจที่จะลองหาฟองน้ำบนโขดหินนอกเกาะแอนติไกเธอร่า แต่เรือของพวกเขาโดนพายุเล่นงานเข้าอย่างจังจนเรือออกนอกเส้นทาง ในสถาวะสับสนนี้เองกัปตันดีมีทรีออส คอนดอสผู้บังคับเรือเลยคิดเอาเรือไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปบริเวณน้ำนิ่ง ที่ปลายแหลมทางทิศเหนือของเกาะแอนติไกเธอร่า

ดีมีทรีออสจอดเรือพัก คอยแล้วคอยเล่าพายุก็ไม่สงบจนเวลาผ่านไปสองสามวัน จนพวกเขาเบื่อเลยหาอะไรฆ่าเวลา โดยดำน้ำหาฟองน้ำแถวนั้น และแล้วลูกเรือคนหนึ่งชื่ออลายอัส สตาเดียตีสก็พบเรือยุค ค.ศ. 50 ที่บรรทุกรูปปั้นเต็มลำ ในความลึก 140 ฟุต

ต่อมาการค้นพบในครั้งนี้ทำให้รัฐบาลกรีกยืนมาช่วยเหลือ(กรีกกับกริซเป็นคนละประเทศนะครับ ขอบอกไว้ก่อน)ได้ยื่นมือกู้สมบัติ กว่าจะกู้หมดใช้เวลา 9 เดือน พวกเขาก็นำเอารูปปั้นหินอ่อนและบรอนซ์ขึ้นมา และนำพวกมันไปยังพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติในกรุงเอเธนส์ เพื่อทำความสะอาดและบูรณะ


พนักงานของพิพิธภัณฑ์ตื่นตาตื่นใจในความงามและปริมาณที่มีอยู่มากมายของสิ่งของ ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน ก่อนที่จะมีใครมองดูซากบรอนซ์ที่ผุกร่อนสองสามชิ้นที่ถูกค้นพบมาพร้อมกันอย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 1902นักโบราณคดีชั้นนำผู้หนึ่ง คือ วาเลอริออส สตาอิส ได้ตรวจพบมันในที่สุด เขาสังเกตเห็นสมบัติที่งมขึ้นมีชิ้นเดียวที่ถูกละเลยกองรวมรูปหล่อบรอนซ์และรูปสลักหินอ่อนไม่สมบูรณ์อื่นๆ แถวรูปร่างของมันคล้ายนาฬืกามีโครงร่างซี่ล้อผุพัง ในไม่ช้าก็มีการโต้เถียงกันขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่ามันเป็นล้อฟันเฟืองของจานกลุ่มดาว ซึ่งนักดาราศาสตร์ใช้ในการวัดการขึ้นของดวงอาทิตย์



ต่อมามีการเรียกสมบัติชิ้นนี้ว่า เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า(Antikythera Machine)

วาเลอริออสได้ประกาศสิ่งที่เขาพบว่านี้คือเครื่องกลไกทางดาราศาสตร์โบราณ แต่ก็มีการโต้เถียงในเวลาต่อมา เพราะหลายคนไม่เชื่อว่าคนสมัยก่อนไม่น่าจะมีหัวคิดในเรื่องกลไกลสลับซับซ้อนแบบนี้ได้ แม้จะเก่งเรื่องคณิตศาสตร์ก็ตาม

บางคนก็แย้งคำกล่าวนั้น สิ่งที่แน่นอนคือ ข้อความที่เขียนไว้บนสิ่งนั้นชี้ให้เห็นว่าเครื่องจักรกลนั้นถูกสร้างขึ้นในราวปีที่ 80 ก่อนคริสตกาล แต่ก็ยังต้องรอจนกระทั่งปี 1958 เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่าจึงได้รับการตรวจสอบเป็นครั้งแรกโดยชายผู้หนึ่ง ที่ได้เปิดเผยระดับเทคนิคของผู้ที่สร้างมันต่อโลก

ดีเรค เอด ซอลลา ไพรซ์ ชาวอังกฤษผู้ที่ขณะนั้นเป็นศาสตรจารย์ในสาขาประวัติศาสตร์-วิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเยล อเมริกา เขาพบเครื่องจักรกลขณะที่กำลังศึกษาประวัติของเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อยู่ เขาได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์เอเธนส์ เขาตกตลึงในสิ่งที่เขาเห็น "ไม่มีอะไรที่เหมือนเครื่องมือนี้ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่ใดเลย" เขาเขียน "ไม่มีอะไรที่จะเทียบกับมันได้เลย ทั้งจากสิ่งของที่เป็นที่รู้จักจากตำราวิทยาศาสตร์หรือวรรณคดีโบราณ ตรงกันข้ามจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เรารู้จักของยุคเฮเลนนิสติกทั้งหมด เราน่าที่จะเข้าใจว่าสิ่งประดิษฐ์เช่นนี้ไม่อาจที่จะมีอยู่"


การเตรียมการทำงานกับส่วนประกอบซากบรอนซ์ ได้เปิดเผยถึงส่วนประกอบย่อยๆ ด้านนอกประกอบด้วยหน้าปัทม์ที่ติดตั้งในกล่องไม้ และภายในมีล้อเฟืองอย่างน้อย 20 อัน ตัวกล่องปกคลุมด้วยคำจารึก ซึ่งรวมถึงปฏิทินทางด้านดาราศาสตร์ แต่ชิ้นที่น่าสนใจที่สุดของทั้งหมดคือเครื่องจักรกลที่รวบรวมระบบฟันเฟืองที่แตกต่างกันโดยอย่างสิ้นเชิง นี่คือสิ่งที่ทำให้ไพรส์ตกตะลึง เพราะตามประวัติศาสตร์ได้มีการคิดระบบฟันเฟืองที่ซับซ้อนถึงเช่นนี้ปรากฏเป็นครั้งแรก ในตัวเรือนนาฬิกาที่สร้างขึ้นในปี 1575

มากกว่าหนึ่งทศวรรษที่ไพรส์ได้บากบั่นประกอบเครื่องจักรกลจากส่วนประกอบที่ผุกร่อน แต่จนกระทั่งปี 1971 ภาพถ่ายนเอ็กซ์เรย์ได้ถ่ายภาพให้ไพรส์ โดยคณะพลังงานอะตอมของกรีก ซึ่งในที่สุดก้อได้เปิดเผยเครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า ที่ประกอบฟันเฟืองเข้ากันอย่างสมบูรณ์ นับแต่นาฬิกาบอกเวลาจากศตวรรษที่ 13 ซึ่งเรารู้จักกันก็ยังมีระบบเฟืองที่ธรรมดากว่า ปฏิกิริยาของไพรส์เป็นความเข้าใจ "ผมจำเป็นต้องสารภาพว่า มีหลายครั้งในช่วงเวลาของการสืบเสาะ ผมต้องตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนและสงสัยว่ามีวิธีการประกอบหรือไม่จากตำรา, คำจารึก , บันทึกทางดาราศาสตร์ และรวมไปถึงทุกสิ่งที่บ่งชี้ไปจนถึงศตวรรษแรกก่อนคริสตกาลด้วย"


ไม่มีใครรู้ว่าเครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่าใช้อย่างไร หรือมันไปทำอะไรในเรือที่บรรทุกรูปปั้น แต่ตัวของไพรส์คิดว่ามันอาจเป็นตัวแทนของจักรวาลเป็นงานศิลปมากกว่าที่จะเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เขายังเชื่อว่ามันอาจเป็นส่วนหนึ่งของการสืบทอดเทคนิคการติดตั้งเฟืองที่ตกทอดให้แก่คนรุ่นหลัง จากกรีก โบราณให้กับผู้รับช่วงชาวมุสลิม และท้ายที่สุดก็ออกดอกออกผลมาเป็นนาฬิกาทางดาราศาสตร์ของชาวยุโรปผู้ยิ่งใหญ่ในยุคกลาง และเครื่องจักรกลแอนดิคีเธอร่าต้องจัดให้เป็นอย่างที่ไพรส์กล่าวว่า"เป็นหนึ่งในประดิษฐกรรมพื้นฐานทางด้านเครื่องจักรกลทางเวลาทั้งหมด"


อย่างไรก็ตามการค้นพบ เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่า(Antikythera Machine) นั้นเป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่สำคัญชิ้นแรก ที่จุดประกายให้มีการลบล้างความเข้าใจดั้งเดิมที่เชื่อๆ กันว่าคนโบราณนั้นฉลาดเหลือเชื่อ(หรือเป็นผลงานของมนุษย์ต่างดาวกันแน่


ล่าสุดละ

ใน 2006 ทีข้อสันนิษฐานใหม่คือ เครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่าเป็นเครื่องบอกตำแหน่งจักรวาล

ในปี 2008 การคาดว่าเครื่องจักรกลแอนติไกเธอร่าเป็นเครื่องบอกที่ตั้งของ"ดาวเคราะห์โดยเสมือนหนึ่งหนังสือโบราณ